นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับประเทศที่มีระบบโลจิสติกส์มีประสิทธิภาพสูงเป็นอันดับที่ 34 ของโลก จากทั้งหมด 139 ประเทศ และเป็นอันดับที่ 3 ของอาเซียน โดยดัชนีวัดประสิทธิภาพระบบโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ ประจำปี 2566 (International Logistics Performance Index: LPI 2023) ของธนาคารโลก (World Bank)
คาดธุรกิจขนส่งโตต่อเนื่อง 18% มูลค่า 1.15 แสนล้าน สวนทางกำไรร่วง
WHA เร่งขยายนิคมฯ ไทย-เวียดนาม ตั้งเป้าปี 66 ขายที่ดินเพิ่ม 1,750 ไร่ คำพูดจาก เว็บสล็อต มาแรงอันดับ 1
ทั้งนี้ ธนาคารโลกได้เผยแพร่รายงานดัชนีวัดประสิทธิภาพระบบโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ ประจำปี 2566 ซึ่งวัดความสามารถของประเทศต่าง ๆ 139 ประเทศ ในการเคลื่อนย้ายสินค้าข้ามพรมแดน จากการประเมิน 6 ตัวชี้วัด โดยประเทศไทยได้คะแนนในแต่ละตัวชี้วัด ดังนี้
- พิธีการศุลกากร (Customs) 3.3 คะแนน
- โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) 3.7 คะแนน
- การเตรียมการขนส่งระหว่างประเทศ (International shipments) 3.5 คะแนน
- สมรรถนะผู้ให้บริการโลจิสติกส์ (Logistics Competence and Quality) 3.5 คะแนน
- ระบบการติดตามและตรวจสอบ (Tracking and Tracing) 3.6 คะแนน
- ความตรงต่อเวลาของการบริการ (Timeliness) 3.5 คะแนน
สำหรับ ประเทศไทยมีคะแนนเฉลี่ยรวม 3.5 คะแนน เพิ่มขึ้นจากการประเมินครั้งก่อนในปี 2561 ซึ่งไทยได้คะแนนเฉลี่ยรวม 3.41 คะแนน โดยในปีนี้ไทยได้รับการจัดอันดับที่ 34 ของโลก และอันดับที่ 3 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์ ซึ่งได้อันดับที่ 1 ของโลก ด้วยคะแนนเฉลี่ย 4.3 คะแนน และมาเลเซียได้อันดับที่ 26 ของโลก ด้วยคะแนนเฉลี่ย 3.6 คะแนน
อย่างไรก็ตาม ผลการจัดอันดับประสิทธิภาพระบบโลจิสติกส์ของไทยสะท้อนการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่เห็นผลเป็นรูปธรรมจากคะแนนเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น โดยรัฐบาลให้ความสำคัญในศักยภาพระบบโลจิสติกส์ของประเทศมาโดยตลอด และได้วางแนวทางการดำเนินการเพื่อผลักดันประเทศไทยให้เป็นประตูการค้าที่สำคัญของภูมิภาคในอนาคต ผ่านการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย พ.ศ. 2566-2570 ยกระดับระบบโลจิสติกส์ของไทยให้มีประสิทธิภาพ พร้อมนำผลการประเมินมาต่อยอดพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพในแต่ละด้าน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้สูงขึ้น